
ถ้าเพื่อนๆ เป็นคนหนึ่งที่มีเวลาไม่มาก ลาหยุดได้น้อย แต่อยากไปเที่ยวต่างประเทศและใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ เราแนะนำให้ไปเที่ยวหลวงพระบาง ประเทศลาวเหมือนกับเราเลย เพราะลาวเป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆ เราไม่ต้องเตรียมตัวอะไรให้ยุ่งยาก แถมภาษาก็คล้ายๆ กับไทย แถมอากาศนั้นดี๊ดี บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับการไปใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์มากที่สุด
ในครั้งนี้เราไปหลวงพระบาง 3 วัน 2 คืน โดยเริ่มจากจองตั๋วเครื่องบินไปหลวงพระบางกับ Traveloka กับสายการบิน Thai Smile บินตรงไปยังหลวงพระบางเลยด้วยเครื่องบิน Airbus A320 ที่นั่งนั่งสบายมากกกก สามารถนำสัมภาระขึ้นเครื่อง 7 กิโลกรัม โหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่องได้มากถึง 30 กิโลกรัมอีก และมีอาหารบนเครื่องให้เราได้ทานด้วย ซึ่งเราจองตั๋วเครื่องบินไปหลวงพระบางผ่านเว็บช่วงมีโปรโมชั่นพอดี รวมถึงที่พักด้วยเช่นกัน ถ้าเพื่อนๆ อยากได้ตั๋วเครื่องบินไปหลวงพระบางราคางามๆ เหมือนเราก็อย่าลืมไปติดตามใน Traveloka หรือจองตั๋วเครื่องบินไปหลวงพระบางกับ Traveloka ที่นี่ แล้วลอกแพลนทริปเที่ยวหลวงพระบางของเราไปได้เลย
Day – 01
ครั้งนี้เราเลือกบินไฟลท์เช้าเพราะเรามีเวลาแค่ 3 วันและต้องการสโลว์ไลฟ์จริงๆ ตารางการเที่ยวของเราก็เลยไม่ได้แน่นมาก เพื่อว่าจะได้ไม่เหนื่อยมาก อารมณ์แบบว่าได้ใช้เวลาเดินมองบรรยากาศ วิถีชีวิตผู้คนในหลวงพระบางแบบเต็มที่ ซึ่งพอไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวแรกที่เราไปก็คือ
01 – วัดเชียงทอง
เรามาที่วัดเชียงทองเป็นที่แรกเพื่อเป็นการเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองเราตลอดทั้งทริป ซึ่งวัดเชียงทองเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบางมาตั้งแต่ พ.ศ. 2103 ในรัชสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ซึ่งวัดเชียงทองได้รับการยกย่องว่าเป็นอัญมณีแห่งศิลปะล้านช้างเพราะมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามเป็นอย่างมาก เช่น พระอุโบสถเป็นหลังคาแอ่นโค้ง ลาดต่ำ ซ้อนกันเป็น 3 ชั้น มีช่อฟ้า 17 ช่อ ประตู หน้าต่างของพระอุโบสถแกะสลักสวยงาม ผนังปิดทองฉลุบนพื้นรักสีดำเป็นภาพพุทธประวัติเรื่องพระสุธน – มโนราห์ และเรื่องพระเจ้าสิบชาติ ผนังด้านนอกมีกระจกสีต่อกันเป็นนิทานพื้นบ้าน เป็นต้น
พิกัด : https://goo.gl/maps/txT7yC6scMdYsrix5
ค่าเข้า : 2,000 กีบ
เวลาเปิด – ปิด : เวลา 06.00 – 17.30 น.
02 – พระบรมมหาราชวังหลวงพระบาง
ไม่ไกลจากวัดเชียงทองเราก็มาต่อกันที่พระบรมมหาราชวังหลวงพระบาง สถานที่ที่เคยถูกใช้เป็นที่พำนักของพระบาทสมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ พระมหากษัตริย์พระองค์แรกแห่งพระราชอาณาจักรลาวด้วย เมื่อซึ่งภายในบริเวณนี้มีหอพระบาง สถานที่ประดิษฐานของพระบางพุทธลาวัลย์ ซึ่งเราก็ไม่ลืมกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลและขอพร ส่วนพระบรมมหาราชวังหลวงพระบางจะเป็นอาคารสไตล์โคโรเนียลผสมผสานกับศิลปะแบบล้านช้าง ภายในมีห้องบรรทม ห้องพระโรงใหญ่ ห้องทรงงาน ห้องรับแขก ฯลฯ ที่เราสามารถเข้าชมได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงของใช้ส่วนพระองค์ รวมถึงพระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์
พิกัด : https://goo.gl/maps/GyohGwC6fh3vVKVV8
ค่าเข้า : 30,000 กีบ
เวลาเปิด – ปิด : พุธ – จันทร์ 08.00 – 11.30 น. และ 13.30 – 16.00 น.
03 – ยอดเขาพูสี
พอตกเย็นเราก็ไปต่อกันที่พระธาตุพูสี ซึ่งอยู่ห่างจากพระบรมมหาราชวังหลวงพระบางไปนิดเดียว โดยพระธาตุพูสีเป็นสถานที่ที่เราจะได้ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกดินกัน ว่ากันว่าที่นี่คือจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดในหลวงพระบาง ดังนั้นเราก็เลยไม่อยากพลาด โดยเราจะต้องเดินขึ้นบันไดไปบนยอดพูสีจำนวน 328 ขั้น ซึ่งด้านบนสุดมีพระธาตุพูสีให้เราได้กราบไหว้กันอีกด้วย
พิกัด : https://goo.gl/maps/j3gJt4QBL6tZrhN66
ค่าเข้า : 20,000 กีบ
เวลาเปิด – ปิด : ตลอด 24 ชั่วโมง
04 – ตลาดมืด
หลังลงมาจากยอดเขาพูสีแล้วเราก็เลยมาหาอาหารทานกันที่ตลาดมืด โดยที่นี่มีร้านค้าและร้านอาหารหลายร้อยร้านให้เราได้เลือกช็อปเลือกชิมกัน ตั้งแต่ศูนย์บริการท่องเที่ยวหลวงพระบางยาวไปจนถึงหน้าพระบรมมหาราชวังหลวงพระบาง ซึ่งหากใครอยากหาซื้อของฝากพื้นเมืองก็สามารถมาเลือกช็อปที่นี่กันได้เลย โดยเฉพาะงานแฮนด์เมดมีให้เลือกซื้อเพียบโดยเราปิดทริปวันแรกกันที่นี่แล้วกลับสู่ที่พักด้วยความอิ่มท้องและของฝากกลับบ้านเพียบ
พิกัด : https://goo.gl/maps/5iJEonyo4ghfErpx6
ค่าเข้า : ฟรี
เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน เวลา 17.00 – 22.00 น.
Day – 02
05 – ตักบาตรข้าวเหนียว
วันที่สองเราตื่นกันแต่เช้าเวลา 05.30 น. เพื่อมาให้ทันตักบาตรข้าวเหนียว กิจกรรมสำคัญของการเที่ยวหลวงพระบาง โดยชุดตักบาตรข้าวเหนียวจะมีขายประมาณชุดละ 100 บาท วิธีการก็คือให้เราปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนใส่ลงไปในบาตรนั่นเอง โดยการตักบาตรข้าวเหนียวถือเป็นประเพณีที่สืบทอดต่อกันมาเป็นเวลานาน เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของหลวงพระบางที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างเราให้อยากมาเที่ยวที่นี่นั่นเอง
06 – สะพานไม้ไผ่ข้ามแม่น้ำคาน
หลังจากตักบาตรข้าวเหนียวเสร็จเราก็กลับไปนอนพักที่โรงแรมเพราะบอกแล้วว่าทริปนี้เราสโลว์ไลฟ์กันจริงๆ พอตื่นขึ้นมาช่วงสายๆ เราก็ไปเดินเล่นในเมืองชมวิถีชีวิตผู้คนแล้วก็แวะไปที่สะพานไม้ไผ่ข้ามแม่น้ำคานกันด้วยเพื่อชมวิวชิลๆ ของแม่น้ำโขงกัน โดยสะพานนี้ยังคงเป็นสะพานที่ชาวบ้านใช้สัญจรในชีวิตประจำวันกันจริงๆ ในทุกวันนี้ด้วยนะ
พิกัด : https://goo.gl/maps/4odibkMESLgqGDxg8
ค่าเข้า : ฟรี
เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน
07 – ร้านส้มตำเจ๊ติ๋ม
มาหลวงพระบางทั้งทีถ้าพลาดร้านส้มตำเจ๊ติ๋มถือว่าพลาดมาก เมนูเด็ดห้ามพลาดเลยก็คือส้มตำหลวงพระบางที่ฝานมะละกอเป็นแผ่นใหญ่ๆ สไตล์หลวงพระบาง พร้อมรสชาติส้มตำที่อร่อยจัดจ้าน ทานกับไก่ย่างหนังกรอบเนื้อนุ่ม แหนมหมูทอดที่รสชาติเปรี้ยวกำลังดี ซี่โครงหมูทอดที่มีเนื้อหมูติดมันติดกับซี่โครงแล้วทอดมาเกรียมๆ พร้อมกินกับข้าวเหนียวร้อนๆ บอกเลยว่าฟินเว่อร์จนอยากให้เพื่อนๆ มาลองทานด้วยตัวเอง รับรองเลยว่าจะติดใจเหมือนเราที่ต้องเบิ้ลส้มตำแซ่บๆ หลายจาน
พิกัด : https://goo.gl/maps/MRfLRNmuWJ2dYXpD6
เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน 10.00 – 16.00 น.
08 – น้ำตกตาดกวางสี
หลังจากอิ่มหนำสำราญกับส้มตำสุดแซ่บของเจ๊ติ่มกันแล้วเราก็มาเที่ยวกันต่อที่น้ำตกตาดกวางสีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในหลวงพระบาง น้ำตกตาดกวางสีเป็นน้ำตกหินปูน มีทั้งหมด 4 ชั้น มีน้ำเย็นๆ ให้เราได้เล่นตลอดปี แถมน้ำในน้ำตกยังสวยงามเป็นสีฟ้าๆ เขียวๆ ถ่ายรูปออกมาสวยมาก เรากระโดดน้ำเล่นคลายร้อนอย่างเต็มที่ เพราะว่าบ่ายนี้เราเทคิวไว้ที่นี่ทั้งวันเลย สนุกสุดๆ ไปเลย อ๊อ … ก่อนที่เราจะเดินมาถึงน้ำตกตาดกวางสีบริเวณด้านหน้ายังมีศูนย์อนุรักษ์หมีให้เราได้ชมกันด้วยนะ
พิกัด : https://goo.gl/maps/4odibkMESLgqGDxg8
ค่าเข้า : 20,000 กีบ
เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน 06.00 – 17.30 น.
Day – 03
09 – ตลาดเช้าหลวงพระบาง
เข้าสู่วันสุดท้ายของการท่องเที่ยวหลวงพระบางเราก็ตื่นแต่เช้าอีกเช่นเคยแล้วมาเดินที่ตลาดเช้าข้างวัดใหม่สุวรรณภูมารามที่มีทั้งมีผักสด อาหารพื้นเมือง อาหารป่า ดอกไม้ ฯลฯ ที่วางขายกันตามข้างทาง ซึ่งการได้มาเดินตลาดเช้าแห่งนี้ทำให้เราได้เข้าถึงแก่นแท้ความเป็นอยู่ของชาวหลวงพระบางได้ดีจริงๆ แถมอากาศก็ดี เดินเพลิน ทานเพลินทีเดียวเชียว
พิกัด : https://goo.gl/maps/GuJQspz19MQ1aJRQ9
ค่าเข้า : ฟรี
เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน 05.00 – 09.00 น.
10 – กาแฟประชานิยม
หลังจากเดินตลาดเช้าเสร็จเราก็มาดื่มกาแฟยามเช้ากันสักหน่อย ซึ่งร้านกาแฟประชานิยมเป็นร้านกาแฟชื่อดังในหลวงพระบางที่เราจะได้ดื่มกาแฟโบราณไปพร้อมกับการชมวิวแม่น้ำโขง ร้านกาแฟประชานิยมเป็นร้านเล็กๆ แต่ได้อารมณ์สภากาแฟยามเช้าแบบท้องถิ่นมาก ใครไม่ดื่มกาแฟก็สั่งโอวัลตินมาดื่มได้นะ นอกจากนี้ยังมีปาท่องโก๋ โจ๊ก ไข่ลวก เฝอ ปาท่องโก๋ ซาลาเปา แป้งจี่ ฯลฯ ให้เราสั่งมาทานคู่กับกาแฟได้ด้วย
พิกัด : https://goo.gl/maps/gne8SxzhzBaymWkeA
เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน 05.00 – 09.00 น.
11 – วัดใหม่สุวรรณภูมาราม
หลังจากดื่มกาแฟเสร็จเราก็ขอปิดทริปด้วยการไหว้พระกันอีกสักครั้งด้วยการไปที่วัดสำคัญของหลวงพระบางอีกแห่งนั้นก็คือ วัดใหม่สุวรรณภูมาราม เป็นวัดที่มีกำแพงหน้าพระอุโบสถเป็นสีทองเหลืองอร่ามสวยงามเป็นอย่างมาก ซึ่งกำแพงนี้บอกเล่าเรื่องราวของพระเวชสันดรชาดกและรามเกียรติ์ อีกทั้งภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปนับหมื่นติดอยู่ที่ผนังสีแดง และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องต้นพระมหาจักรพรรดิอีกด้วย
พิกัด : https://goo.gl/maps/G4ZWnLhQ4asvqYQC7
ค่าเข้า : ฟรี
เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน 08.00 – 17.00 น.
และนี่ก็คือทริปหลวงพระบาง 3 วัน 2 คืน ของเรา เป็นทริปแห่งการสโลวไลฟ์อย่างแท้จริง เพราะบางที่เราก็ปั่นจักรยานไป เพื่อการชมวิถีชีวิตของชาวบ้านในหลวงพระบาง หากเพื่อนๆ คนไหนมีเวลาไม่มากเหมือนกับเราแต่อยากไปเที่ยวต่างประเทศและอยากชิลก็จองตั๋วเครื่องบินไปหลวงพระบางกับ Traveloka แล้วลอกแพลนทริปเที่ยวหลวงพระบางของเราไปได้เลย ซึ่งนอกจากจะสามารถจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และที่เที่ยวกับ Traveloka ได้แล้ว ยังมีรถรับส่งสนามบินให้จองอีกด้วย ทำให้การทริปของคุณทั้งง่าย สะดวก และรวดเร็วเป็นอย่างมาก เพราะมีรถรับส่งจากบ้านมาส่งสนามบินดอนเมือง หรือสุวรรณภูมิเลย ตอบโจทย์คนชอบเดินทางอย่างเป็นที่สุด ทางไปจอง > https://www.traveloka.com/th-th/airport-transfer
ช่องทางการติดตาม ติดต่อ และอัปเดตข่าวสารกันได้ที่
Fanpage : https://web.facebook.com/Widsawaphatiew
Instagram : https://www.instagram.com/widsawaphatiew/
Twitter : https://twitter.com/widsawaphatiew
Website : https://widsawa.com/