(รีวิวเกาหลี) | Deogyusan – Seoraksan – Seoul (5 คืน 4 วัน) เที่ยวเกาหลีกับงบแค่ 9000 นิดๆ (ราคานี้ไม่รวมค่าตั๋ว)

#เที่ยวเกาหลี ที่ไม่ได้มีดีแค่ในโซล 🇰🇷 ทั้งเที่ยว-ทั้งกิน-ทั้งช้อป ใน 5 วัน 4 คืน กับงบแค่ 9000 นิดๆ ก็ไปเที่ยวเกาหลีได้

“เกาหลีใต้” เป็นอีกประเทศในฝันของใครหลายๆ คน รวมถึงตัวผมด้วย ว่าสักครั้งนึง จะต้องมาเที่ยวที่นี่ให้ได้ และแล้วฝันของผมก็เป็นจริงแล้ว 😁😁 บอกเลยตื่นเต้นมากๆ ดูแต่ในหนัง ในทีวีมากนาน จนได้มาเจอของจริงแล้ว

การเที่ยวในเกาหลีในครั้งนี้ ผมไม่ได้เที่ยวแค่ตัวโซลเพียงอย่างเดียว ยังมีมุม มีสถานที่เด็ดๆ มากมาย แค่นั่งรถออกจากโซลไปแปบเดียวเท่านั้น ก็ฟินมากๆ บอกเลย จะเป็นที่ไหนบ้าง สวยงามขนาดไหน ตามไปดู ไปอ่านกันได้เลยน้าาาา…. 😋😋

…………………………………………..

▶️ Plan Trip (5 Days 4 Nights)

Day01 – Thailand > Seoul > Cheonggyecheon > Seoul Foerest > Olympic Park

Day02 – Deogyusan Nation Park

Day03 – Seoraksan Nation Park > Sokcho beach

Day04 – Travel in Seoul I > Gyeongbokgung Palace > Bukchon Hanok Village > Ikseondong (Madang Flower Cafe) > Hongdea

Day05 – Travel in Seoul II > Dongdaemun Design Plaza > Thailand

…………………………………………..

▶️ สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด

Day 01 (06/03/2562)

ซื้อบัตร T-money card ราคา 4000×2 = 8000 W

เติมเงินลงบัตร T-money refill 20000×2 = 400000 W

ค่ารถไฟ (Airport>Hongik Uni. St. 51 min) 3150×2 = 6300 W (11.00-12.00)

ค่าอาหาร+ขนม 12500+12000+3000 = 27500 W

ซื้อของ Supermarket 4990 W

ค่ารถไฟ (Hongik Uni.St. >Choengechon>Seoul forest>Olympic stadium>Hongik Uni.St.) 7550×2 =15100 W

ค่าที่พักคืนแรก “That House” at Seoul 42750 W

Total D1 104640 W

Transportation 21400 W

T-money card 8000 W

Accom 42750 W

Foods&Drinks 32490 W

**ยอดคงเหลือในบัตร T-money 9300 W

Day 02 (07/03/2562)

เติมเงินลงบัตร T-money 10000×2 = 20000 W

ค่ารถไฟ Train to Nambu bus terminal (Hongik Uni.St.>Nambu bus terminal) 1360×2 = 2720 W

ค่ารถ Bus (Nambu bus terminal>Muju bus terminal) 15200×2 = 30400 W

ค่าขนม+ไอศกรีม 15300 W

ค่า Taxi (Muju bus terminal>Muju resort) 20000 W

ค่า Cable car ticket 16000×2 = 32000 W

ค่าอาหารกลางวันที่ Muju resort 13500 W

ค่า Taxi (Muju resort>Muju bus terminal) 24710 W

ค่ารถBus (Muju bus terminal>Nambu bus terminal) 15200×2 = 30400 W

ค่ารถไฟ Train to Hongik (Nambu bus terminal>Hongik Uni.St.) 1360×2 = 2720 W

ค่าขนม+อาหารเย็น 7000+16000=23000 W

ซื้อของที่ Supermarket 10900 W

ค่าที่พัก That House at Seoul 42750 W

Total D2 248400 W

Transportation 110950 W

Cable car ticket 32000 W

Accom 42750 W

Foods&drinks 62700 W

**ยอดคงเหลือในบัตร 16580 W

Day03 (08/03/2562)

ค่ารถไฟ Train to Deongseoul bus terminal (Hongik Uni. St.>Gangbyeon St.) 1450×2 = 2900 W

ค่ารถบัส Bus (Deongseoul bus terminal>Sokcho express bus terminal) 18900×2 = 37800 W

ค่ารถบัส No.7 or 7-1 (Sokcho express bus terminal>Seoraksan) 1250×2 = 2500 W by T-money

ค่าเข้าอุทยาน Seoraksan 3500×2 = 7000 W

ค่า Cable car ticker 10000×2 = 20000 W

ค่าอาหารและขนม 18000+5000 = 23000 W

ค่ารถ Bus No.7 or 7-1 (Seoraksan>Sokcho express bus terminal) 1250×2 = 2500 W

ค่ารถ Bus (Sokcho express bus terminal>Deongseoul bus terminal) 18900×2 = 37800 W

ค่าอาหารเย็น+ขนม 14000+10000 = 24000 W

ค่ารถไฟ Train (gangbyeon>Hongik Uni.St.) 1450×2 = 2900 W

ซื้อของที่ Supermarket 18800 W

ค่าที่พัก “Nuna guesthouse black apartment” 42000 W

Total D3 221200 W

Transportation 86400 W

Seoraksan fee 27000 W

Foods&drinks 65800 W

Accom 42000 W

**ยอดคงเหลือในบัตร 11180 W

Day04 (09/03/2562)

Trip Seoul 1 : Gyeongbokgung palace>Bukchon hanok village>Madang flower cafe>Hongdae)

ค่ารถไฟ Train (Hongik Uni.St.>Gyeongbokgung>Anguk-jongno 3(sam)ga>Hongik Uni.St.) 3750×2 = 7500 W

ค่า Sushi 28000 W

ค่าเข้าชมพระราชวัง Gyeongbokgung 3000×2 = 6000 W

Ice-cream 2000 W

Rasberry cheese cake+Strawberry latte @Madang 17000 W

ค่าอาหารเย็น @Hongdae 25000 W

Ice-cream+Waffle @Cafe Petit garden 14500 W

ค่าที่พัก “Nuna guesthouse black apartment” 42000 W

Total D4 142000 W

Transportation 7500 W

Entrance fee 6000 W

Foods@drinks 86500 W

Accom 42000 W

**ยอดเงินคงเหลือในบัตร 7430 W

Day05 (10/03/2562)

Trip Seoul 2 : Dongdaemun design

ค่ารถไฟ Train (Hongik Uni.St.>Dongdaemun culture and park>Hongik Uni.St.) 3460×2 = 6920 W

ค่าอาหาร+ไอศกรีม 12200 W

ค่ารถไฟ Train (Hongik Uni.St.-Airport) 3150×2 = 6300 W

Desserts at CU by T-money 800×2 = 1600 W

ค่า Krispy cream 14000 W

Total D5 41020 W

Transportation 13220 W

Food&drinks 27800 W

——————————————————

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดทริป

Transportation : 239470 W (~5440 B)

T-money card : 8000 W (~182 B)

Fee : 65000 W (~1480 B)

Accom : 169500 W (~3850 B)

Foods&drinks : 275290 W (~6250 B)

Pocket WIFI : 1250 B

ค่าประกันการเดินทางอีกคนละ : 360 B

***สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดทริป 5 วัน 4 คืน : ประมาณ 18452 B หรือใช้จ่ายตกคนละ 9230+360= 9600 B

ปล.ราคานี้ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ซึ่งค่ากิน ค่าเที่ยว ค่าช้อป บางคนอาจจะถูกกว่านี้ หรือแพงกว่านี้ แต่บอกเลยโคตรคุ้ม ต้องมาเที่ยวให้ได้น้าาา

———————————-

Day01 – Thailand > Seoul > Cheonggyecheon > Seoul Foerest > Olympic Park

02.40 น. – เดินทางจากสนามบินนานาชาติดอนเมือง มุ่งหน้าสู่สนามบินนานาชาติอินชอน (เกาหลีใต้)

การเดินทางในครั้งนี้ผมเดินทางด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชีย นะครับ

ที่นั่งกว้าง อาหารอร่อย บินตรงเวลา แถมบริการดีสุดๆ ครับ

สำหรับใครที่สนใจกำลังเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้ สามารถตอนเช็คและจองเที่ยวบินได้ที่ http://www.airasia.com ตอนนี้ทางสายการบินไทยแอร์เอเชีย มีเที่ยวบินให้บริการ 3 เที่ยวบินต่อวัน จะบินรอบไหน ก็คุ้มสุดๆ ราคาก็สบายกระเป๋า แถมการบริการดีมากอีกด้วย

ใครที่กังวลว่าจะมาเช็คอินไม่ทัน หรือขี้เกียจต่อคิวยาว เราสามารถเช็คอินผ่านแอปสายการบินบนมือถือได้เลย หรือเช็คอินผ่านตู้เช็คอินคีออส ได้เลย สะดวกรวดเร็วมากๆ

ดีขนาดนี้ รีบกดจองตั๋วแล้วตามมาเหอะ มามะ 😁

img_5135.jpg

สำหรับการไปเที่ยวในครั้งนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คืออินเตอร์เน็ต ในทริปนี้ผมใช้บริการ Pocket WIFI ของทาง Noimobile นะครับ

ค่าบริการ Pocket WIFI สำหรับทริปเกาหลีทั้งหมด 5 วัน ราคา 1250 บาท สามารถเชื่อมได้ 4-5 เครื่อง กันเลยทีเดียว โคตรคุ้ม แถมสัญญาณก็ดี จะอัฟรูป โหลดคลิป ลงสตอรี่ ก็รวดเร็วทันใจ

สำหรับใครที่สนใจ สามารถติดต่อสอบถาม และจอง Pocket WIFI ได้ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้เลยนะครับ

https://www.facebook.com/noimobileonline/

IMG-7444

นากจากตั๋ว Pocket WIFI แล้ว ที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือประกันภัยเดินทาง ดูจากแพลนที่ผมจะไปแล้ว มีปีนเขาบ้าง เดินทางออกนอกเมืองเกือบทุกวัน ก็ซื้อประกัน ให้สบายใจก่อนเดินทางสักหน่อย ซึ่งทริปนี้ผมเลือกใช้บริการของ บมจ.อลิอันซ์ ประกันภัย ครับ โดยที่ไปเกาหลีประมาณ 5 วัน ก็จะเสียค่าคุ้มครองประมาณ 360 บาท เป็นแพ็คเกจการคุ้มครองขั้นพื้นฐาน หรือถ้าใครไปหลายวัน ไปเดี่ยว หรือไปแบบครอบครัว สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามรูปด้านล่างเลยนะครับ

DCC5359E-9A0C-479B-84C9-F861D4A32E0B

ซึ่งเราสามารถใช้ประกันนี้ได้ตั้งแต่เหตุฉุกเฉินต่างๆ หรือยันอุบัติเหตุร้ายแรงต่อร่างกายและชีวิตของเรา เลยครับ ซื้อเผื่อไว้ แต่ไม่อยากใช้นะครับ ฮ่าๆ เที่ยวที่ไหน ก็อย่าลืมระมัดระวังตัวเราเองด้วยน้าาา ซึ่งประกันนี้สามารถคุ้มครองได้ทุกประเทศทั่วโลก ยกเว้นประเทศดังกล่าว ที่อยู่ในรูปภายนะครับ

IMG-7444 (1)

ถ้าใครสนใจสมัครประกันการเดินทาง หรือติดต่อสอบถามข้อมูล สามารถติดต่อได้ผ่านตัวแทนขายประกันได้ที่ :

คุณ น้อย วัลลภา เครือจิโน
Tel : 094-3899553
FB : Wanlapa Kruajino 
———————————————
ตั๋วพร้อม wifi พร้อม ประกันการเดินทางพร้อม ได้เวลาไปลุยแดนเกาหลีกันดีกว่าาาาา

09.30 น. – เราเดินทางถึงสนามบินนานาชาติอินชอน (เราบินถึงก่อนเวลานะครับ ตามเวลาจะถึงประมาณ 10.05 น.) ซึ่งเวลาที่ประเทศเกาหลีใต้เร็วกว่าประเทศไทยเรา 2 ชั่วโมง

10.00 น. – เตรียมตัวต่อคิวผ่าน ตม. บอกเลย ด้วยความที่เราอ่านรีวิวจากที่อื่นๆ ก่อนมาเกาหลี ได้ข่าวว่า ตม. ที่นี่โหดมาก พอมาเจอ โคตรตื่นเต้น ระหว่างต่อคิว โคตรลุ้น และโคตรเกร็ง และก็มีคนไทยบางส่วนที่มาไฟลท์ด้วยกับเราก็โดนเรียกไปอีกห้องนึง เพิ่มความกดดันเข้าไปอีก แต่พอถึงคิวเท่านั้นแหละ ลุ้นครับว่าจะเจออะไรบ้าง แต่ก็ไม่มีอะไรครับ เหมือนกันกับทุกประเทศที่ผมไป ก็จะมีถามบ้างว่ามากี่คน รายประมาณนี้

การเตรียมตัวเพื่อให้ผ่าน ตม.

เรามั่นใจว่าเราไปเที่ยว ผ่านแน่นอน

เตรียมเงิน เตรียมแพลน ไว้ด้วย เผื่อทางเจ้าหน้าที่ถาม

การแต่งตัว ควรแต่งตัว แต่พอดี ตามความเหมาะสม

พาสปอร์ต ถ้าหน้าขาว ก็จะลุ้นโดนถามหน่อย ถ้าเคยไปเที่ยวต่างประเทศมาบ้างแล้ว ก็สบายเลยครับ

สุดท้าย มั่นใจเข้าไว้ ว่าเราไปเที่ยว เราบริสุทธิ์ใจ เราไปเที่ยวจริงๆ

10.30 น. – ผ่าน ตม. เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็มาซื้อบัตร ที่ไว้ใช้สำหรับการเดินทาง ครั้งนี้ผมเลือกใช้บริการบัตร T-money ราคาบัตร 4000 W สามารถซื้อได้ที่ร้านสะดวกซื้อ หรือว่าตู้ขายบัตรอัตโนมัติ และสามารถเติมเงินกี่วอนก็ได้ผ่านตู้เติมเงิน บริเวณสถานีรถไฟ หรือร้านสะดวกซื้อ

และนี่คือรูปร่างหน้าตาของบัตร T-money คุณสมบัติของบัตร T-money สามารถใช้จ่ายค่ารถไฟ รถบัสประจำทาง หรือร้านสะดวกซื้อ ก็ได้ บัตรพร้อม เงินพร้อม ได้เวลานั่งรถไฟเข้าสู่กรุงโซลกัน

11.33 น. – Airport > Hongik University St. เรานั่งรถไฟสายสีฟ้าหรือ All-Stop Train สายนี้จะจอดทุกสถานีครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที (รถไฟมีตั้งแต่รอบ 05.23 am. – 11.40 pm.)

12.20 น. – ถึง Hongik University St.

12.30 น. – จาก Hongik University St. ทางออกที่ 6 เพื่อเดินทางไปที่พัก

12.50 น. – เช็คอินที่พัก “That House” เก็บข้าว เก็บของ เตรียมตัวตะลุยเที่ยวเกาหลีในวันแรกกัน ปล. เราพักที่นี่ทั้งหมด 2 คืนนะครับ

14.00 น. – “Slow life in Seoul” จะไปที่ไหนบ้าง ตามผมไปเที่ยวกันครับ 🤣🤣

ก่อนไปเที่ยว ขอกินอะไรรองท้องซะหน่อย 😊

จากที่พักเดินข้ามถนนมาก็ถึงร้านเลยครับ หิวแล้วไม่คิดมาก เข้าร้านและสั่งเลย ฮ่าๆ

ส่วนมากการสั่งอาหารที่ร้านอาหารแถวๆ กรุงโซล จะเป็นการสั่งผ่านเครื่องอัตโนมัตินะครับ ไม่ต้องห่วงมีภาษาอังกฤษให้เราอ่าน และมีรูปภาพเมนู แบบหมวดหมู่ชัดเจน แถมจ่ายตังค์ผ่านตู้ได้เลย เมื่อเราทำรายการเสร็จแล้ว จ่ายตังค์เรียบร้อย เราก็จะได้ใบเสร็จมา หลังจากนั้นก็ไปนั่งรออาหารได้เลย โคตรสะดวกอะ บอกเลย🤣

และนี่คือเมนูที่เราสั่งมา น่ากินมาก ไก่อร่อยมาก น้ำซอสราด รสเด็ดสุดๆ หลังจากที่เรากินเสร็จเรียบร้อยแล้ว หนังท้องตึง หนังตาเริ่มหย่อน อะแฮร่ จะมาง่วงตอนนี้ไม่ได้นะ ไปเที่ยวก่อน

“คลองชองกเยชอน – Cheonggyecheon”

การเดินทาง – นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่ City hall เดินขึ้นมาก็จะเจอรูปปั้นหอย หรือถ้าใครขึ้นอีกฝั่ง สามารถเปิด Map ตามมาได้เลยน้าาา

คลองกลางกรุงโซล คลองชองกเยชอน ถือเป็นอีกจุด ที่ใครมาเที่ยวเกาหลีต้องแวะมาถ่ายรูปกัน แต่ละมุมสวยๆทั้งนั้น

ดูดิ ถ่ายมุมไหนก็สวย

ขอนั่งถ่ายรูปสักแปบ 🤣🤣 ถ่ายรูปเสร็จแล้วเราก็นั่งรถไฟไปเที่ยวกันต่อ

“Seoul Forest”

ป่ากลางกรุง ถ้าไปถูกช่วง คงสวยน่าดู ช่วงที่ผมไปมันก็จะแห้งๆ หน่อย 🤣

การเดินทาง – นั่งรถไฟมาลงที่ Seoul Forest แล้วเดินตามป้ายมาเรื่อยๆ ก็จะถึงครับผม

แต่ก็สวยไปอีกแบบแหะ😊😊

“Olympic Park”

บอกเลยโคตรเสียดายที่มาที่นี่ช้าไป มาถึงก็มืดซะแล้ว แต่อากาศดีมาก มุมถ่ายรูปเยอะมากๆ

อย่าลืมแวะมาถ่ายรูปกันด้วยน้าา

การเดินทาง – นั่งรถไฟสายสีน้ำตาลมาลงที่ Olympic Park St. หรือนั่งรถไฟสายสีชมพูมาลงที่ Mongchontoseong St. ซึ่งสถานีนี้จะใกล้สวนมากกว่าครับ

ถามว่าผมลงสถานีไหน สถานี Olympic เดินไกลมากๆ แสงเย็นก็จะหมดแล้ว อากาศก็โคตรเย็น บ่นยังไงก็ต้องเดิน เดินและก็เดินต่อไป 🤣 ถ่ายรูปกันจนเพลิน เดินกันจนเหมื่อย หิวก็หิว ได้เวลาเดินทางกลับ เพื่อไปพักผ่อน สำหรับทริปพรุ่งนี้

“Cover Rice”

ก่อนจะไปพักผ่อน เราแวะทานอาหารระหว่างทางไปที่พักกันก่อน อาหารร้านนี้ถือว่า ใช้ได้เลยครับ บรรยากาศในร้านก็ดี อาหารอร่อย กินกันจนอิ่มแล้ว ได้เวลาเดินกลับที่พัก อาบน้ำ อาบท่า เตรียมตัวนอน

ปิดไฟ….พร้อมกับคำว่า ฝันดีนะครับ😍

———————————-

Day02 – Deogyusan Nation Park

06.00 น. – อรุณสวัสดิ์ ได้เวลาตื่นนอน ถึงจะไม่อยากตื่นก็ตาม เตรียมตัวอาบน้ำ แล้วเดินทางต่อ

06.30 น. – นั่งรถไฟจาก Hongik University St. > สถานี Nambu Bus Terminal

07.45 น – ถึงสถานี Nambu Bus Terminal เดินเข้าไปยังสถานีรถบัส เพื่อไปซื้อตั๋วเดินทางไป Muju Bus Terminal ราคาตั๋ว 15200 W (โคตรเสียดาย มาไม่ทันรถรอบ 07.45 น. พลาดไปนิดเดียวเอง นั่งรอต่อไป)

09.20 น. – เดินทาง Nambu Bus Terminal > Muju Bus Terminal ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.

12.00 น. – ถึง Muju Bus Terminal

12.20 น. – นั่งแท็กซี่จากด้านหน้า Muju Bus Terminal เพื่อไปที่อุทยานฯ ด็อกยูซาน

12.40 น. – ถึงอุทยานฯ ด็อกยูซาน (บริเวณลาน Ski Resort) เมื่อถึงแล้วก็ซื้อตั๋วเพื่อขึ้นกระเช้า ไปยังบนยอดเขา

ก่อนนั่งกระเช้าไปยังบนยอด ขอหารายกินรองท้องก่อน โคตรหิวเลย

ซื้อตั๋วและ ได้เวลานั่งกระเช้าขึ้นไปยังยอดเขา วิวดีมากอะ สวยมาก ชอบๆ

ดูดิ สวยมากๆ ฟินเลย

นั่งกระเช้าขึ้นมาประมาณ 20 นาที เราก็มาถึงด้านบนแล้ว บอกเลยว่าดีมาก สวยมาก หิมะเต็มไปหมดเลย

ขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่เกิดขึ้น อะไรจะสวยขนาดนี้

สวยมากจริงๆ

ขึ้นกระเช้ามาแล้ว เราก็ยังต้องเดินขึ้นไปยังบนยอดเขาอีกประมาณ 1 กม. จำไม่ได้แล้ว🤣 ใช้เวลาเดินประมาณ 20-30 นาที ถามว่าช้ากว่านี้ได้มั้ย ตอบเลยว่าได้ เพราะเดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอมุมถ่ายรูปสวยๆ ตลอดทาง ยิ่งเดิน ยิ่งสวย เป็นอีกสถานที่ที่ชอบมากๆ มากจริงๆ

ร่างกายพร้อม ใจพร้อม กล้องพร้อม ได้เวลาเดินขึ้นยอดกันแล้ว

ยอมแล้ว รู้สึกดีใจที่ได้เลือกมาเที่ยวที่นี่ ถึงจะเดินทางไกลก็ตาม ดีใจมาก จริงๆ

บอกเลยเป็นการเดินเขาที่มีความสุขมากๆ ไม่มีเบื่อเลย ยิ่งเดิน ยิ่งฟิน สวยมากจริงๆ

สวยมากมาย

ขอแวะถ่ายรูปหน่อย สวยขนาดนี้ หลงรักเลย

หลังจากผ่านไปประมาณ 20-30 นาที เราก็เดินขึ้นมาถึงยอดเขากันแล้ว

ยอดเขานี้มีชื่อว่า “Hyangjeokbong ณ อุทยานแห่งชาติด็อกยูซานและถือเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดอันดับ 4 ในเกาหลี มีความสูงถึง 1,614 เมตร กันเลยทีเดียว

คุ้มค่ามากๆ กับการมาเห็นวิวแบบนี้ ยอมแล้ว เรายอมแล้ว สวยจนต้องยอมแพ้💚❄️☃️

ถ่ายรูปจนเพลิน มองนาฬิกาแล้วใจหาย ได้เวลาต้องกลับแล้วหรอเนี่ย ยิ่งฟินอยู่เลย แต่ก็ต้องกลับ ไม่เช่นนั่นจะตกรถเอา ฮ่าๆ รีบเดินลงกันดีกว่า

ขนาดนี้ไม่ต้องการนมข้นแล้วละ ถ้าจะหวานกันขนาดนี้ อิจฉานะเว้ย

แวะถ่ายรูปแก้เลี่ยนซะหน่อย

ภูเขาอะไรจะสวยขนาดนี้ สวยมากจริงๆ

ยิ่งถ่ายยิ่งเพลิน ได้เวลากลับแล้วถ้ามีโอกาสจะกลับมาหาใหม่นะ

เวลากลับ สามารถใช้บัตรเดิมที่เราซื้อขึ้นมานะครับ เพราะฉะนั้นอย่าทำหายเด็ดขาด เตือน!! แล้วน้าาาา

ระหว่างรอรถกลับ ขอเล่นหิมะแปบนะ ฟินๆๆ

16.00 น. – นั่งแท็กซี่จากอุทยานฯ ด็อกยูซาน ไปที่ Muju bus Terminal

16.40 น. – เดินทางถึงที่ Muju bus Terminal เราสามารถซื้อตั๋วกลับโซลได้เลย บริเวณท่ารถมีร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อไว้บริการด้วย ใครที่หิว สามารถกินอาหารที่นี่ได้เลยครับ

17.40 น. – นั่งรถบัสจาก Muju bus Terminal ไปที่ Nambu bus Terminal

20.10 น. – เดินทางถึง Nambu bus Terminal

20.20 น. – แวะหาอะไรกิน

ก่อนเดินกลับที่พักขอแวะกินหมูย่างเกาหลีสักหน่อย บอกเลยว่าเด็ดมาก

ดูดิ ฟินมากจริงๆ หลังจากกินเสร็จเราก็เดินกลับที่พัก เพื่อพักผ่อน วันนี้เหนื่อยมาก แต่ แต่ แต่ พรุ่งนี้เหนื่อยกว่า 🤣🤣 คืนนี้เรานอนที่เดิมนะครับ ที่ “That House” นั่นเอง ง่วงแย้ววว นอนก่อนนะ ฝันดีนะคราฟ💚

———————————-

Day03 – Seoraksan Nation Park > Sokcho beach

06.00-07.00 น. – อรุณสวัสดิ์ครับ ได้เวลาตื่นนอน อาบน้ำเตรียมตัว เช็คเอ้า แล้วเดินทางกันครับ
07.00 น. – นั่งรถไฟจากสถานี Hongik University St. > Gangbyeon St.
08.15
. – เดินทางทางถึงสถานี Gangbyeon St.
พอเรามาถึงสถานี Gangbyeon St. แล้ว ให้เดิมข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ซึ่งจะเป็นห้าง “Techo Mart” เดินเข้าไปในห้าง บริเวณชั้น2 ก็จะเป็นจุดขายตั๋ว สถานีรถบัส Dong Seoul Intercity Bus Terminal

08.30 น. – ซื้อตั๋วรถบัสจาก Dong Seoul > Sokcho Express Bus Terminal ราคาตั๋ว 18900 W ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.

09.00 น. – เดินทางจาก Dong Seoul > Sokcho Express Bus Terminal

รูปภายในรถบัสครับ รถบัสที่นี่ที่นั่งสบายมาก หลับสบายด้วย ไม่เมื่อยขา เบานิ่ม บอกเลยหลับยาว ยันถึงปลายทางกันเลยทีเดียว

11.20 น. – เดินทางถึง Sokcho Express Bus Terminal (แนะนำให้ซื้อตั๋วกลับรอไว้ได้เลย) เมื่อมาถึงแล้ว ให้เดินออกมาจากสถานีรถบัส เดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเพื่อรอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์

11.30 น. – นั่งรถเมล์สาย 7 หรือ 7-1 แล้วลงป้ายสุดท้ายที่อุทยานฯ ซอรัคซาน เลยครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที (ราคาตั๋ว 1250 W สามารถใช้ T-Money ได้เลย)

12.00 . – เดินทางถึงอุทยานฯ ซอรัคซาน

เมื่อมาถึงแล้ว เราสามารถซื้อตั๋วเข้าอุทยานฯ ได้เลย ราคา 3500 W

เมื่อเราเข้าอุทยานฯ ซอรัคซานมาแล้ว จะเจอกับรูปปั้นหมี ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ ตะพลาดถ่ายรูปได้ยังไง ขอถ่ายกับพี่หมีสักหน่อย

ก่อนขึ้นไปยังยอดเขา ขอหาอะไรรองเท้าสักหน่อย ซึ่งภายในอุทยานฯ จะมีร้านอาหาร คาเฟ่ บริการอยู่นะครับ เราสามารถเลือกได้เลยว่าจะกินอะไร เมนูที่ผมเลือกนี้บอกเลย อิ่ม และเลี่ยนมาก ฮ่าๆ มันคล้ายๆ กับผักชุปแป้งทอดบ้านเราเลย แต่แป้งเยอะมาก เลยทำให้เลี่ยนครับผม ถามว่าหมดมั้ย หมดเกลี้ยงเลยจ้า ฮ่าๆๆ อิ่มท้องกันแล้ว ได้เวลาลุย

12.30 น. – ซื้อตั๋ว ขึ้นกระเช้า เพื่อไปยังจุดชมวิวของอุทยานฯ ราคา 10000 W

ตั๋วพร้อมแล้ว ก็ลุยครับผม

ได้เวลาขึ้นกระเช้าแล้ว บอกเลยวิวสวยมากๆ

ดูดิ สวยมากๆ ขนาดข้างล่างนะเนี่ย ข้างบนจะสวยขนาดไหน

ใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที เราก็มาถีงด้านบนยอดแล้ว เราก็เดินจากจุดจอดกระเช้าขึ้นไปบนยอดอีกมาณ 500 เมตร ก็จะถึงยอดครับ ระหว่างทางระวังลื้นด้วยนะครับ ยิ่งเป็นหิมะเก่า คนเหยียบบ่อยๆ เราจะลื่นได้ครับ

เดินเท้าขึ้นมาประมาณ 10 นาที ก็ถึงยอดจริงๆ แล้ว บอกเลย โคตรสวย สวยจริงๆ

ภูเขาหิน ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ โคตรสวยอะ

สวยขนาดนี้ ยิ่งถ่าย ยิ่งฟิน ถ่ายเพลินมากๆ

ด้านบนลมจะแรงมากครับ เวลาปีนขึ้น ตัวแทบปลิวกันเลยทีเดียว แต่ดีนะ ตัวใหญ่เลยไม่ปลิว ฮ่าๆ
ที่สำคัญอากาศด้านบนเย็นมาก วิวก็สวย อากาศก็ดี ต้องมาให้ได้

มุมถ่ายรูปเยอะมากๆ

สวยขนาดนี้ ถ้ามาเกาหลี อย่าลืมปักมุดไว้ด้วยนะครับ

ซึ่งบริเวณด้านล่าง จะมีทั้งคาเฟ่ วัด ร้านอาหาร มุมถ่ายรูปเด็ดๆ ทั้งนั้นบอกเลย

ยอมแล้ว ยิ่งถ่าย ยิ่งฟิน

มองดูนาฬิกา หมดเวลาสนุกอีกแล้ว ได้เวลาเดินทางกลับ
15.30 น. – นั่งรถบัสจากอุทยานฯกลับไปที่ Sokcho Bus
15.50 น. – เดินทางถึงสถานีรถบัส Sokcho Bus (ระหว่างรอเวลาเดินทางกลับ เรามีเวลาว่างอีกประมาณเกือบ 2 ชม. จะไปไหนดีน้าาาาา )

“Sokcho Beach”

16.00 น. – ดูแผนที่คร่าวๆ เราก็เจอสถานที่เที่ยว ที่อยู่ใกล้ๆ นี้ เดินไปแปบเดียวก็ถึง นั่นก็คือ ชายหาด Sokcho นั่นเอง น้ำทะเลฟ้ามาก คลื่นแรง และอากาศเย็นมาก

จากสถานีรถบัส เราก็เดินตาม GPS มาสักระยะ ประมาณ 5-10 นาที ได้ เราก็มาถึงชายหาดแล้ว ถือเป็นชายหาดที่สวย มากๆ อีกแห่งหนึ่งของเกาหลีเลยก็ว่าได้ แถมยังเป็นสถานที่สุดฮอต สำหรับมาพักผ่อน ของผู้คนแถวๆ นี้ อีกด้วย

มาทะเลทั้งที ก็เก็บภาพบรรยากาศสักหน่อย

ดูชุดดิ เหมาะกับการทะเลมากๆ ทะเลอไรก็ไม่รู้หนาวมาก ฮ่าๆ

ที่สำคัญจุดถ่ายรูปเยอะมากๆ

ก่อนเดินกลับ เราได้เจอกับหนูน้อยเกาหลีคนนึง บอกเลย น่าฟัดมาก เด็กอะไร น่ารักชะมัด

ดูสิ จะไม่ให้หลงรักได้อย่างงาย

ใกล้เวลารถจะออกแล้ว เดินกลับสถานีกันดีกว่า

มองนาฬิกา เวลายังเหลือนี่ว้าาา แวะคาเฟ่ หาของหวานกินดีกว่า คาเฟ่นี้อยู่ติดกลับสถานีรถบัสเลยนะครับ สะดวกมากๆ

ถึงร้านปุ๊บ เข้าไปสั่งเมนูกันเลย อย่ารอช้า

บรรยากาศที่ร้านดีมาก ชิลสุดๆ เหมาะแก่การมานั่งพักชิลๆ มาก

และนี่คือเมนูที่เราสั่ง อิอิ ฟินไปอีก ได้เวลารีบกิน แล้วรีบไปขึ้นรถ เดี๋ยวจะตกรถเอา

17.40 น. – เดินทางจากสถานีรถบัส Sokcho Bus > Dong Seoul Bus
20.20 น. – เดินทางถึงสถานีรถบัส Dong Seoul Bus
20.30 น. – เดินทางกลับที่พัก
21.30 น. – คืนนี้เราพักที่ “Nanu guesthouse black apartment”
22.00 น. – พักผ่อน หลับฝันดีราตรีสวัสดิ์ครับผม

(ปล.รูปที่พัก เราถ่ายในช่วงเช้านะครับ กลางคืนถ่ายไม่ไหว ง่วงมาก)

———————————-

Day04 – Travel in Seoul I > Gyeongbokgung Palace > Bukchon Hanok Village > Ikseondong (Madang Flower Cafe) > Hongdea Night Market

 

09.00 น. – อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้ตื่นสายมาก ฮ่าๆ หลังจากตื่นเช้ามา 2 วันติด
2 วันสุดท้ายสำหรับทริปเกาหลีนี้ เราจะกลับมาเที่ยวในตัวกรุงโซลกันอีกครั้ง จะไปที่ไหนบ้าง ตามผมมาเลยครับ

นี่คือรูปที่ถ่ายบริเวณจากที่พัก ไปยังสถานีรถไฟนะครับ ชอบอะ ถ่ายมุมไหนก็สวย

11.00 น. – นั่งรถไฟจาก Hongik University St. > Gyeongbokgung St.

เมื่อเรานั่งรถไฟมาถึงที่ Gyeongbokgung St. แล้ว ก็เปิด GPS เดินไปตามเปล่าหมายของเราเลยครับ แต่บอกเลยว่าก่อนจะถึง หลงทางจ้า แต่เป็นการหลงที่ฟินมาก

เดินลัดเลาะ ถายรูปไปเรื่อยๆ

เดินไปเรื่อยๆ จริงๆ เปิด GPS นำทางบ้าง ฮ่าๆ

เดินมาสักพัก เริ่มหิวแล้วสิครับ ขอแวะเข้าร้าน “Sushi Cafe” สักหน่อย ซึ่งร้านอยู่ใกล้ๆ กับทางเดินไปพระราชวัง Gyeongbokgung นะครับ

นี่คือเมนูที่เราสั่ง บอกเลยฟินมากๆ

กินเสร็จแล้ว ได้เวลาเดินต่อ เดินกันยาวไป แต่โชคดีที่อากาศเย็นสบายมากๆ เลยไม่เหนื่อย เท่าไหร่

เดินมาสักพักเราก็มาถึงพระราชวังกันแล้ว

“พระราชวัง Gyeongbokgung”

เป็นพระราชวังเก่าแก่ของประเทศเกาหลีใต้ และถือเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญที่ใครมาเที่ยวเกาหลีจะต้องมาเที่ยวที่นี่ให้ได้

เป็นพระราชวังที่สวยมากๆ อีกแห่งหนึ่งในเกาหลีเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญมุมถ่ายรูปสวยๆ ทั้งนั้นเลย

ถ่ายรูปที่พระราชวังกันจนเพลิน เม็มเกือบเต็มกันเลยทีเดียว ก็ได้เวลาเดินไปยังจุดต่อไปกันดีกว่า ถือว่าจากพระราชวัง เดินไปไม่ไกลมากครับ

“Bukchon hanok village”

จากพระราชวังเดินมาอีกสักหน่อย สำหรับใครที่กลัวหลง เปิด Map นำทางได้เลยนะครับ
เดินมาสักพักเราก็จะมาถึงที่ Bukchon hanok village หมู่บ้านโบราณกลางกรุงโซล คลาสสิคมและสวยงามมากๆ ที่สำคัญคนเยอะมาก

ก่อนเดินไปยังจุดเช็คอินสุดฮิต เราขอเดินถ่ายรูปมุมอื่นก่อนครับ ซึ่งก็สวยไม่แพ้กัน

มุมด้านบนของหมู่บ้าน

หูย หวานไป หวานไป อิจฉานะ

และแล้วเราก็มาถึง มุมถ่ายรูปสุดฮิตของที่นี่กัน บอกเลยสวยมาก และคนเยอะมากๆ ครับ

มุมนี้ก็สวย ยอมอีกแล้ว สวยมาก

สำหรับใครที่มาเที่ยวโซล ต้องแวะมาเที่ยว มาถ่ายรูปที่หมู่บ้านนี่ให้ได้

ถ่ายรูปกันจนเพลินแล้ว แต่เวลาเดินทางไปเที่ยวที่จุดต่อไป แปลกเนาะ เป็นการเที่ยวที่สบายมาก อากาศดี เย็นสบาย ไม่ร้อน ยิ่งเดิน ยิ่งชิล😋😋

“Madang flower cafe”

นั่งรถไฟสาย 3 มาลงที่สถานี Jongno 3(sam)-ga ทางออกที่ 4 เดินข้ามถนนมาก็จะเข้าสู่ย่านตลาด และโซนของคาเฟ่ สุดฮิต ของ Ikseondong (อิคซอนดง) วันที่ผมไปบอกเลย คนโคตรเยอะ เยอะมากๆ ที่สำคัญเต็มทุกร้าน ผ่านร้านแรก คนก็เยอะ ร้านสองคนก็เยอะ ด้วยความที่อยากเข้าคาเฟ่ที่นี่มากเลยหาร้านที่ชอบ และรอให้ที่ว่าง

แล้วเราก็มาเจอ “Madang Flower Cafe” คาเฟ่ดอกไม้สุดโรแมนติกกลางกรุงโซล
นอกจากจะเป็นร้านขายดอกไม้แล้ว ยังเปิดเป็นคาเฟ่อีกด้วย ทั้งเค้ก ชา กาแฟ แล้วน้ำอื่นๆ อีกมากมาย
บอกเลยเค้กที่นี่อร่อยมาก อร่อยจริงๆ ต้องมา และต้องลองให้ได้ แถมบรรยากาศในร้านก็โคตรดีอีกต่างหาก กินไปพร้อมกับกลิ่นหอมหอมของดอกไม้นานาชนิด ฟินมาก 😋😋 

น้ำสตอเบอรี่ก็อร่อย ฟินไปอีก

สำหรับใครที่มาเที่ยวโซล และไปที่ Ikseondong (อิคซอนดง) อย่าลืมแวะไปนะครับ เด็ดมาก

ไปเที่ยวมาทั้งวันแล้ว ก็กลับมาหาอะไรกินแถวที่พัก คือย่าน ฮงแด นั่นเอง

ฮื่มมมม บอกเลย เกลี้ยงครับ หมดเกลี้ยงกันเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ ทั้งหิว ทั้งอร่อย

“Hongdea Night Market”

กินเสร็จแล้วก็ได้เวลาเดินย่อย ซึ่งย่านนี้เป็นย่านที่เด็กมหาลัย เดินกันเยอะมาก ของกิน street food ทั้งของคาว ของหวาน เยอะมาก ร้านค้า ขายของก็เยอะมากๆ เช่นกัน ที่สำคัญ อีกจุดเด่นของที่นี่คือ จะมีนักร้องมือสมัครเล่น มาเปิดหมวกแสดงความสามารถ ร้องเพลงสดๆ ให้เราฟัง บอกเลยว่า มีเยอะมาก แถมทุกคนก็ร้องเพราะมากๆ เช่นกัน ยื่นฟังยังเคลิ้มเลย เหมาะสมกับเป็นเมืองศิลปินจริงๆ

ก่อนกลับที่พัก แวะเข้าคาเฟ่สักนิด ฮ่าๆ ดูกินดิจะไม่อ้วนได้ยังไง

ซึ่งร้านอยู่ระหว่างทางเดินไปที่พักของเรานะครับ

บรรยากาศภายในร้านครับผม ชิลมากๆ

นี่คือเมนูที่เราสั่ง ถามว่าหมดมั้ย เกลี้ยงครับ เหลือไว้แค่ดอกไม้เท่านั้น ฮ่าๆ

เดินเที่ยว เดินกิน จนเมื่อย จนง่วงแล้ว
ได้เวลากลับไปพักผ่อนสักที
สำหรับคืนที่ 4 คืนสุดท้ายสำหรับทริปนี้ผมพักที่ “Nanu guesthouse black apartment” ครับผม

ฝันดีนะครับ เจอกันพรุ่งนี้

———————————-

Day05 – Travel in Seoul II > Dongdaemun Design Plaza > Thailand

09.30 น. – อรุณสวัสดิ์ครับผม ตื่นสายอีกตามเคย ฮ่าๆ เพลียมากเมื่อวาน เดินเกือบทั้งวัน วันนี้วันสุดท้ายแล้ว ผมจะพาทุกคนไปเที่ยวแบบชิลๆ กัน 🤣
10.30 น. – นั่งรถไฟจาก Hongik university st. ไปลงที่ Dongdaemun history & culture park ใช้เวลาเดินทางจากที่พักประมาณ 20 นาที

“Dongdaemun Design Plaza”

ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงโซล ด้วยความดีที่ดีไซน์ของตัวดึก ที่ทันสมัย สวยงาม แปลกตา จึงเป็นที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาหามุมถ่ายรูปชิคๆ กันที่นี่

ภายนอกอาคารดูสวยงาม หรูหรา ทันสมัย ภายในตัวอาคาร ยังมีมุม มีจุด ที่นำไปใช้สอยประโยชน์มากมาย ทั้งมุมแสดงผลงานต่างๆ ร้านค้า หรืออื่นๆ อีกมากมาย ใครที่มาเที่ยวเกาหลี อย่าลืมแวะมาถ่ายรูปกันได้นะครับ เหมาะกับสายฮิปๆ คูลๆ เป็นอย่างมาก

ก่อนกลับขอถ่ายรูปคูลๆ อย่างเค้าสักหน่อย

12.20 น. – เดินทางกลับไปยังที่พัก Nanu guesthouse เพื่อเอากระเป๋าเดินทาง

ออกจากรถไฟมา ระหว่างจะขึ้นบันไดเลื่อน หันไปเจอร้านนี้ ขอแวะกินหน่อยละกัน อิอิ

12.45 น. – เดินทางไปสนามบิน โดยนั่งรถไฟจาก Hongik university st. ไปยัง Airport Therminal 1

13.50 น. – เดินทางถึงสนามบิน
14.00 น. – เช็คอิน โหลดกระเป๋า ที่เคาน์เตอร์ AirAsia
15.00 น. – เตรียมตัวเดินทาง
16.25 น. – เดินทางจากสนามบินนานาชาติอินชอน(เกาหลีใต้) มุ่งหน้าไปยังสนามบินนานาชาติดอนเมือง(กทม)
20.45 น. – เดินทางถึงสนามบินนานาชาติดอนเมือง(กทม)
—— จบทริปเกาหลีใต้ 5 วัน 4 คืน ——

ขอบคุณมากๆ นะครับ 💚💚ที่อ่านมาถึงรูปสุดท้ายนี้ ขอบคุณมากจริงๆ รีวิวการเดินทางเที่ยวเกาหลีในครั้งนี้ผมตั้งใจเขียนเป็นอย่างมาก ทั้งวางแพลน วางทริป หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจมาเที่ยวเกาหลีนะครับ

บอกเลยดีมากจริงๆ ทุกช่วงฤดูของที่นี่จะมีเสน่ห์แตกต่างกัน ต้องมาให้ได้ มาแล้วจะติดใจเหมือนกับผมแน่นอน 😍😍😍

สุดท้ายนี้ฝากกดไลค์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆ ครับผม💚💚


สำหรับใครที่สงสัยว่า การเดินทางในเกาหลีไม่ให้หลงต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง มีแอปไหนแนะนำบ้างเปล่า ตอบเลยว่ามี แต่ถามว่าหลงมั้ย ตอบเลยว่าหลงเหมือนเดิม 🤣🤣

s__23617543.jpg

▶️ App Subway

S__23617544

แอปนี้ผมแนะนำมากๆ สำหรับที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก ช่วยได้มากๆ ครับ เราจรู้ว่าตอนนี้อยู่สถานีไหน ถ้าไปอีกที่ต้องเปลี่ยนสายตรงไหน ไปขึ้นรถบัสต้องลงสถานีไหน ครบมากๆ สบายหายห่วง ไม่หลงแน่นอน

▶️ KakaoMap

S__23617545

แอปนี้ก็จะคล้ายๆ กันกับกูเกิลแมป จะแตกต่างแค่ แอปนี้เป็นแอปที่ส่วนมากคนมาเกาหลีจะใช้กัน เพราะจะละเอียดกว่ากูเกิลแมป

▶️ Naver map

กูมีลักษะณะคล้ายๆ กันกับแอป กูเกิลแมป และ กาเกาแมป แต่แอปนี้จะเจาะละเอียดกว่า เราสามารถดูตารางรถเมล์ การเดินทางด้วยยานพาหนะต่างๆ ร้านอาหาร คาเฟ่ บอกเลยครบสุดๆ

▶️ Goggle map
▶️ Maps.me

สองแอปสุดท้าย ถึงจะใช้บ้าง ไม่ใช้บ้าง เพราะบางแห่งในเกาหลี ของกูเกิลแมป ก็ไม่สามารถระบุได้ครับ แต่บอกเลยว่าถ้าไปเกาหลี ควนมี 5 แอปนี้ติดมือถือไว้ รับรองไม่หลง (มั้ง) ฮ่าๆ ถึงจะหลงบ้าง แต่ก็ถึงปลายทางตรงเวลาแน่นอนนนน

#รีวิวเกาหลี #Seoul #AirAsiaTravels #ไปโซลไปกับแอร์ไทยเอเชียเอ็กซ์ #วิศวะพาเที่ยวโซล #วิศวะพาเที่ยว


ช่องทางการติดตาม ติดต่อ และอัปเดตข่าวสารกันได้ที่

Fanpage : https://web.facebook.com/Widsawaphatiew

Instagram : https://www.instagram.com/widsawaphatiew/

Twitter : https://twitter.com/widsawaphatiew

Website : https://widsawa.com/

Leave a Reply